ในการฝึกทหารใหม่นั้น ขั้่นตอนที่เรียกได้ว่า เกือบจะสุดท้ายแล้ว นั่นก็คือ การ"เดินทางไกล" ซึ่งมันไม่ได้เหมือนกับการเดินทางไกลของลูกเสือนะ เพราะว่าการเดินทางไกลของทหาร คือบททดสอบทางร่างกาย หลังจากที่เราได้ผ่านการฝึกมาเกือบ 2 เดือน
ในคืนแรกนั้น เราได้ตั้งเต้นนอนกันที่สนามฟุตบอลหน้าหน่วยฝึกก่อน ซึ่งเราก็ได้ผลัดเปลี่ยนเวรยามกันตามปกติ แต่จะมีเวรยามเพิ่มมากกว่าปกติ เพราะต้องยืนยามอยู่รอบเต้นของเพื่อนๆทหารใหม่ทั้งหมด
เมื่อถึงรุ่งเช้าเราก็ได้ยินเสียงนกหวีดปลุกตอน 5.30 น.ตามปกติ ครูฝึกบอกให้เรารีบเก็บเต้นและสัมภาระต่างๆให้พร้อม แล้วให้แต่ละหมวดหมู่ตั้งแถวเดินลาดตระเวร ตามภาระกิจของตัวเอง แล้วก็ออกเดินทางไปตามถนนออกไปหน้าค่าย แล้วก็รีบเดินไปตามสนนสู่หาดเชียงราย เมื่อเดินไปถึงหาดเชียงรายแล้ว เราได้เลี้ยวซ้ายเพื่อเดินต่อไปยังจุดหมายที่"ไร่บุญรอด"ซึ่งระยะทางไม่น่าจะต่ำกว่า 20 กิโลเมตร เดินไปยังไม่ถึง 1ใน10 ของระยะทาง ก็เล่นเอาเหงื่อซึมหลังแล้วครับ เพราะน้ำหนักของเครื่องสนามที่เต็มหลัง พร้อมปืนและหมวกเหล็ก กระติกน้ำ มันยิ่งบั่นทอนเรี่ยวแรงเราไปทุกเมื่อ
เดินผ่านหมู่บ้านมีชาวบ้านพาลูกเล็กเด็กแดงออกมาดูกันประปราย พวกเราได้ไปพักจุดแรกที่สำนักชีแห่งหนึ่ง แล้วครูฝึกสั่งให้ตั้งแถวโจมตีแบบหน้ากระดาน ซึ่งเป็นทางลัดข้ามไปยังถนนอีกฟาก ที่มีป่าช้าอยู่ไกล้ๆ จุดนั้นเองที่เราได้ถูกสมมุติขึ้นว่า ได้ไปโจมตีเอารถเสบียงของข้าศึก เมื่อได้ยินเสียงระเบิด ตูม!!!พวกเราต่างกระโจน วิ่งออกไป พร้อมกับเปล่งเสียงว่า "เอี้ย!!" ฝ่าเข้าป่าละเมาะ ที่มีหญ้าขึ้นสูงมิดหัว จนทำเอาทหารใหม่บางคนล้มหน้าคะมำเลยก็มี
เมื่อยึดรถเสบียงสำเร็จ เราก็ได้รับแจกอาหารมื้อเช้าของวันนั้น เมนูก็คือ ต้มผักดองใส่กระดูกหมู (กระดูกจริงๆ) ผมเพิ่งรู้ตอนนี้เองว่า เหนื่อยจนกินอะไรไม่ลงมันเป็นอย่างไร ใจเราอยากกินมากเพื่อทดแทนพลังงานที่สูญเสียไป แต่ลิ้นมันไม่รับรถชาติอะไรเลย แต่ก็ต้องฝืนกินยัดท้องเข้าไป ให้มันย่อยไปเป็นพลังงาน แล้วเราจึงได้พักเอนหลัง 10 นาที หน้าเมรุของป่าช้านั่นเอง...